<<< ระวังจะโดนปั่นค่าเงินกรณีคลังอนุญาติให้ต่างชาติออกบอนด์เงินบาทได้ >>>
http://www.posttoday.com/เศรษฐกิจ-หุ้น/การเงิน/196865/คลังเปิดให้ต่างชาติออกบอนด์สกุลเงินบาท
http://www.posttoday.com/เศรษฐกิจ-หุ้น/การเงิน/196865/คลังเปิดให้ต่างชาติออกบอนด์สกุลเงินบาท
- ถูกใจ Wikko Prachathai
- Maha Arai ซึ่งเข้าแผนจำลองการปั่นค่าเงินที่เราเคยบันทึกเก็บไว้ในเรื่องนี้
<<< จำลองภาพ เทคนิคการปั่นค่าเงินบาท และ เทคนิคการทุบค่าเงินบาท พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2011/09/blog-post_6283.html - Maha Arai เฉพาะล็อตแรกก็ปาเข้าไปหลายหมื่นล้าน ถ้าคนไม่สนใจเผลอแป๊บเดียวรับประกันได้หลายแสนล้านบาท มันจะทำให้เกิดภาวะเงินฝืดในประเทศได้
- Maha Arai เพราะการดูดเงินบาทออกจากระบบเศรษฐกิจไปอยู่ในมือพวกกองทุนจะทำให้เกิดสภาวะเงินฝืด เพราะพวกนี้มันเอาไปเก็งกำไรกันทั้งนั้นแหล่ะไม่ได้เอาไปลงทุนสร้างงานใน ประเทศอะไรหรอก ซึ่งพวกนี้รู้ว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้น กำลังใช้มุกเก็งกำไรแบบเดิมๆ ก็ได้ เพราะจะฟันกำไรได้สองต่อจากการนำไปปั่นหุ้นจบด้วยการปั่นค่าเงิน อยู่ดีๆ ไม่มีฝรั่งที่ไหนอยากมาออกบอนด์เงินบาทหรอกถ้าไม่หวังผลปั่นค่าเงินดันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก
- Maha Arai ระวังจะโดนวางยา เหมือนช่วงที่ชนะเลือกตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเต็มตัวก็เคยโดนวางยาที หนึ่งแล้ว สุดท้ายอายยกเลิกมาตรการที่ว่าในภายหลัง
<<< ยังไม่ทันไรเริ่มโดนวางยา แล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นได้ยังไง >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2011/07/blog-post_28.html - Maha Arai ทุนนอกทะลักเก็งกำไรค่าเงิน-หุ้น-บอนด์ เงินบาทแข็งโป๊กจ่อหลุด30บาท/ดอลลาร์ http://www.munjeed.com/news_detail.php?id=82580
- Maha Arai ยิ่งเงินบาทแข็ง สินค้าส่งออกไทยก็จะราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรจะราคาตกมากขึ้นไม่งั้นจะขายยาก และข้าวที่ไปรับจำนำสูงกว่าราคาตลาดโลกอยู่แล้วจะยิ่งปล่อยออกไม่ได้มากขึ้น เพราะยิ่งค่าเงินแพงซื้อ 20,000 บาท ขาย 15,000 ก็ขาดทุนอยู่แล้ว แต่ถ้าค่าเงินแข็งอาจต้องขายที่ 10,000 บาท หรือ 8,000 บาท แทนก็ขาดทุนหนักเข้าไปอีก สินค้าเกษตรที่ไปรับจำนำและที่อยากให้ขึ้นทุกตัวจะไม่ต้องลงทุนมากถ้าค่า เงินอ่อนตัว
- Maha Arai แต่นี่นอกจากไม่พยายามสกัดกับหนุนให้เขามาปั่นค่าเงินกันสนุกสนาน เตรียมตัวเกิดวิกฤตรอบใหม่ได้ ถ้าหลงระเริงกับเงินร้อนที่เข้ามาเก็งกำไรสารพัดในไทย หลงกับตัวเลขเงินทุนสำรองที่เพิ่มขึ้นนั่นนี่ อนาคตจะเจ๊งกันอีกรอบ ถ้าถึงรอบที่เขาโยกเงินกลับอเมริกาหรือยุโรป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าวันไหน เมื่อไหร่ แต่มีแน่ๆ
- Maha Arai สังเกตุสิช่วงก่อนเกิดวิกฤตฟองสบู่ปี 40 ราคาหุ้นไทยขึ้นไป 1,500 จุดได้ทั้งๆ ที่ปัจจัยอะไรก็ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างกรณีงวดนี้กำลังไปถึงจุดนั้นทั้งๆ ที่ปัจจัยหลักที่จะขายสินค้าส่งออกได้เยอะๆ มีน้อยเพราะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั้งที่ยุโรปและอเมริกาดังนั้นการเข้ามาดันหุ้นให้สูงขึ้นแบบนี้มันผิดธรรมชาติมันคือการเก็งกำไร และจะเกิดฟองสบู่ตามมาโดยเฉพาะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดก็กำลังเกิดแล้ว อีกไม่นานปล่อยไปแบบนี้ IMF ขวักมือเรียกอีกแน่ๆ
- Maha Arai ปีมะเส็งระวังฟองสบู่คอนโดฯ3ปีผุดสะสมเกือบ1.7แสนยูนิตที่ดินอีสานพรวดรับมอเตอร์เวย์ ( 03 มกราคม 2556 )
เตือน อสังหาฯปีมะเส็งเสี่ยงฟองสบู่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้คอนโดฯน่าห่วง 3 ปีที่ผ่านมาผุดแล้ว 1.7 แสนยูนิต แถมส่วนใหญ่ยังสร้างไม่เสร็จ ปี'56 ติงราคาที่ดินอีสานกระฉูดเท่าตัว พิษเก็งกำไรรับมอเตอร์เวย์-ไฮสปีดเทรน
...
http://www.reic.or.th/News/News_Detail.aspx?newsid=43319
http://www.facebook.com/maha.arai
----------------------------------------------------
<<< นึกเทคนิคง่ายๆ ในการฟันกำไรค่าเงิน กรณีถ้าเราเป็นพวกกองทุนต่างชาต ิ แล้ว ธปท. ให้ต่างชาติออกพันธบัตรเงินบาทไ ด้ >>>
- ทั้ง Thaksin Sasivimolkul และ Wake Up Guys ถูกใจสิ่งนี้
- Maha Arai ก็ตั้งบริษัทออกพันธบัตรเงินบาท ให้ดอกเบี้ย 5% ต่อปี สมมุติให้ถือสัก 5 ปี ระหว่างนี้ก็ขายดอลลาห์ สมมุติ 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาห์ ได้เงินมา 30 บาทไปซื้อพันธบัตรเงินบาท แล้วพอแห่ทำแบบนี้เยอะๆ ค่าเงินบาทจะแข็งค่าโดยธรรมชาติในเมื่อมีแรงซื้อบาทขายดอลลาห์เยอะๆ
- Maha Arai พอมันแข็งค่าไปที่ 25 บาทต่อ 1 ดอลลาห์ เราก็จะขายพันธบัตรไปซื้อดอลลาห์ ก็จะได้เงินกลับคืน 1 ดอลลาห์กับอีก 5 บาทกำไร อันที่จริงเอาเงินเข้ามาซื้อหุ้นก็ได้แหล่ะไม่ต้องทำซับซ้อนแบบนี้ก็ได้ แต่มาซื้อขายหุ้นอาจเสี่ยงจากราคาหุ้นเพราะแนวโน้มตอนนี้โอกาสตก 80% ขึ้น 20% และอาจขายไม่ได้ในยามที่ต้องการจะเทขาย
- Maha Arai อะไรแบบนี้แหล่ะนี่เป็นแบบจำลองที่คิดออกรายละเอียดทางเทคนิคต้องว่ากันลงลึกไป ถึงกฏระเบียบที่จะซิกแซกนำเงินเข้าออกยังไง จากเทคนิคนี้คล้ายๆ การออกพันธบัตรเพื่อให้เป็นแหล่งระดมเงินบาทพักเอาไว้มากๆ โดยที่พร้อมให้ถอนออกไปได้อย่างเร็วดีกว่านำไปลงทุนซื้อหุ้นที่อาจขายไม่ได้ราคาหรือขายไม่ได้ ถ้าแห่ขายจำนวนมหาศาลภายในวันเดียว แต่แบบจำลอที่เราว่าทำได้เพราะรู้กันกับบริษัทที่มาตั้งพักเงินเอาไว้รอฟันส่วนต่างจากค่าเงินมากกว่านำไปลงทุนอะไร
- Maha Arai ผลกระทบที่จะตามมาคือไทยจะได้แต่ภาพลวงตาเงินทุนสำรองที่เพิ่มขึ้นที่พร้อมแห่ ขนเงินออกภายในพริบตา อีกข้อปริมาณเงินบาทหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศจะถูกดูดไปเก็บในบริษัทที่ออกพันธบัตร เท่ากับทำให้เกิดภาวะเงินฝืดถ้าปล่อยให้ทำแบบนี้ระดับหลายแสนล้านจนถึงระดับล้านล้านบาทขึ้นไปได้ด้วย แล้วออกมาตรการอะไรเพิ่มปริมาณเงินบาทในระบบออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วพอถึงวันที่พวกนี้ขนเงินกลับจะเกิดภาวะเงินเฟ้อเฉียบพลันจากปริมาณเงินบาทที่ถูกเทเข้ามาในระบบอย่างมหาศาล จะเห็นได้ว่ามันคือการก่อตัวสึนามิทางเศรษฐกิจดีๆ นี่เอง
http://www.facebook.com/maha.arai
----------------------------------------------------
04 มกราคม 2556 เวลา 09:43 น.
คลังเปิดให้ต่างชาติออกบอนด์สกุลเงินบาท
คลังอนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย 1 ม.ค.– 30 ก.ย. 2556
น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขออนุญาตเพื่อออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาท ในประเทศไทยต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ปีละ 3 ครั้งคือ ภายในเดือนมีนาคม กรกฎาคม และพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งการพิจารณาแต่ละครั้ง จะดูผลกระทบต่อการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนไทย โอกาสที่นักลงทุนในประเทศสามารถลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม และโอกาสในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย
สำหรับการพิจารณาคำขออนุญาตออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในรอบเดือนพฤศจิกายนนั้น กระทรวงการคลังได้อนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศจำนวน 8 ราย ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทยได้ภายในวันที่30กันยายน 2556โดยมีรายชื่อและวงเงินการอนุญาต ดังนี้
ผู้ได้รับอนุญาต วงเงินอนุมัติ (ล้านบาท)
Industrial Bank of Korea (IBK) 10,000
ING Bank NV. (ING) 10,000
The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) 10,000
The Ministry of Finance of the Lao People' s Democratic Republic (Lao PDR) 1,500
Noble Group Limited (Noble)* 3,500
Coorperative Centrale Raiffeisen-Boerenl Esnbank BA 4,000(Robobbank Nederland) 4,000
Shinhan Bank (Shinhan) 10,000
Woori Bank (Woori) 10,000
หมายเหตุ : * กระทรวงการคลังพิจารณาอนุญาตอนุญาตให้ Noble ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทยโดยใช้อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ค้ำประกัน
น.ส.จุฬารัตน์ กล่าวว่า การที่กระทรวงการคลังได้พิจารณาอนุญาตให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ออกพันธบัตรสกุลเงินบาทในประเทศไทยนั้น เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือภายใต้มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Market Initiative : ABMI) และแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN Economic Community Blueprint : AEC Blueprint) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
ทั้งนี้ เพื่อกำกับดูแลให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตดำเนินการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กระทรวงการคลังจึงกำหนดให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตหรือตัวแทนจะต้องยื่นหนังสือรายงานสถานะความคืบหน้าการเตรียมการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทยต่อกระทรวงการคลังภายในเดือนมีนาคมและมิถุนายน 2556 โดยกระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิในการพิจารณาทบทวนวงเงินที่ได้รับอนุญาตออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย เพื่อให้สามารถนำวงเงินมาจัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ยื่นขออนุญาตรายใหม่ต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิที่จะระงับการอนุญาตในกรณีที่สถานภาพหรือสถานะทางการเงินของผู้ที่ได้รับอนุญาต หรือเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ กระทรวงการคลังขอขอบคุณผู้ยื่นคำขออนุญาตทุกรายที่ให้ความสนใจในการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย สำหรับผู้มีความประสงค์จะขออนุญาตในรอบถัดไปสามารถยื่นหนังสือแสดงความจำนงได้ภายในเดือนมีนาคม 2556
http://www.posttoday.com/เศรษฐกิจ-หุ้น/การเงิน/196865/คลังเปิดให้ต่างชาติออกบอนด์สกุลเงินบาท
----------------------------------------------------
ข่าวโครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชน
ปีมะเส็งระวังฟองสบู่คอนโดฯ3ปีผุดสะสมเกือบ1.7แสนยูนิตที่ดินอีสานพรวดรับมอเตอร์เวย์ ( 03 มกราคม 2556 )
เตือนอสังหาฯปีมะเส็งเสี่ยงฟองสบู่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้คอนโดฯน่าห่วง 3 ปีที่ผ่านมาผุดแล้ว 1.7 แสนยูนิต แถมส่วนใหญ่ยังสร้างไม่เสร็จ ปี'56 ติงราคาที่ดินอีสานกระฉูดเท่าตัว พิษเก็งกำไรรับมอเตอร์เวย์-ไฮสปีดเทรน
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ปี 2555 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการธุรกิจที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่จำนวนมาก สวนทางกับโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดขายใหม่น้อยลง นอกจากนี้ ยังรุกออกไปเปิดโครงการในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยตลอดทั้งปีมีห้องชุดคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 62,600 ยูนิต จาก 163 โครงการ ขณะที่มีบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ 38,100 ยูนิต จาก 217 โครงการ โดยผู้ประกอบการที่เปิดขายคอนโดมิเนียมใหม่มากที่สุดในปี 2555 คือ แอลพีเอ็น แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค ศุภาลัย และ เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ส่วนผู้ประกอบการที่เปิดขายบ้านจัดสรรใหม่มากที่สุดคือ พฤกษา แสนสิริ ควอลิตี้เฮ้าส์ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และศุภาลัย
พื้นที่ที่เปิดขายคอนโดมิเนียมมากที่สุดในปี 2555 คือ จังหวัดนนทบุรี 10,700 ยูนิต เขตห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง 10,000 ยูนิต สุขุมวิทตอนปลาย 5,700 ยูนิต และเมื่อบวกกับจำนวนห้องชุดคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่จังหวัดสมุทรปราการอีก 5,900 ยูนิต จะพบว่าเขตรอยต่อระหว่างสุขุมวิทตอนปลายถึงสมุทรปราการมีจำนวนห้องชุดคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากถึง 11,600 ยูนิต โดยส่วนใหญ่จะเปิดขายตามแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก
นายสัมมากล่าวว่า ส่วนพื้นที่ที่เปิดบ้านจัดสรรมากที่สุด คือ สมุทรปราการ 5,000 ยูนิต อำเภอลำลูกกาคลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ 4,500 ยูนิต เขตมีนบุรีหนองจอก-คลองสามวา-ลาดกระบัง 4,100 ยูนิตอำเภอบางกรวย-บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย ประมาณ 3,950 ยูนิต นอกจากในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลแล้ว ผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางหลายรายหันไปเปิดโครงการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดมากขึ้น ทั้งชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ อุดรธานี อุบลราชธานี ฯลฯ
นายสัมมากล่าวว่า ส่วนปี 2556 ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะกลับมาทำโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น ในพื้นที่ปริมณฑลและเขตรอบนอกของกรุงเทพฯ โดยผู้ประกอบการควรลดเปิดโครงการคอนโดมิเนียมลงให้เหลือไม่เกิน 60,000 ยูนิต เนื่องจากในรอบ 3 ปี ระหว่าง 2553-2555 มีการเปิดใหม่ไปแล้วรวม 169,000 ยูนิต และโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างหรือยังไม่เริ่มก่อสร้าง ซึ่งยังเหลือขายอยู่กว่า 50,000 ยูนิต ดังนั้นหากปีนี้สร้างมากเกินไปจะทำให้ยูนิตเหลือเพิ่มขึ้นอีกมากจนสถานการณ์น่าเป็นห่วงว่าจะ ล้นตลาด
สำหรับจังหวัดที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่อไปในอนาคต นอกเหนือจากกรุงเทพฯปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือที่อยู่ในเส้นทางคมนาคมหลักในปัจจุบันและอนาคต และอยู่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะด้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เส้นทางคมนาคมหลักดังกล่าว ได้แก่ เส้นทางยุทธศาสตร์ East-West Economic Corridor ทางหลวงแผ่นดินหรือมอเตอร์เวย์สายใหม่ เส้นทางรถไฟความเร็วสูง สนามบินที่มีเที่ยวบินสะดวก รวมถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ดินในพื้นที่เศรษฐกิจหรืออำเภอเมืองของหลายจังหวัดภาคอีสานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2555 เช่น ในจังหวัดอุบลราชธานี มุกดาหาร อุดรธานี หนองคาย ฯลฯ ในบางพื้นที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวหรือมากกว่า จึงควรระมัดระวังปัญหาฟองสบู่ราคาที่ดินในพื้นที่เหล่านี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
ปีมะเส็งระวังฟองสบู่คอนโดฯ3ปีผุดสะสมเกือบ1.7แสนยูนิตที่ดินอีสานพรวดรับมอเตอร์เวย์ ( 03 มกราคม 2556 )
เตือนอสังหาฯปีมะเส็งเสี่ยงฟองสบู่ ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้คอนโดฯน่าห่วง 3 ปีที่ผ่านมาผุดแล้ว 1.7 แสนยูนิต แถมส่วนใหญ่ยังสร้างไม่เสร็จ ปี'56 ติงราคาที่ดินอีสานกระฉูดเท่าตัว พิษเก็งกำไรรับมอเตอร์เวย์-ไฮสปีดเทรน
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ปี 2555 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการธุรกิจที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่จำนวนมาก สวนทางกับโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดขายใหม่น้อยลง นอกจากนี้ ยังรุกออกไปเปิดโครงการในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยตลอดทั้งปีมีห้องชุดคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 62,600 ยูนิต จาก 163 โครงการ ขณะที่มีบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ 38,100 ยูนิต จาก 217 โครงการ โดยผู้ประกอบการที่เปิดขายคอนโดมิเนียมใหม่มากที่สุดในปี 2555 คือ แอลพีเอ็น แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค ศุภาลัย และ เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ส่วนผู้ประกอบการที่เปิดขายบ้านจัดสรรใหม่มากที่สุดคือ พฤกษา แสนสิริ ควอลิตี้เฮ้าส์ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และศุภาลัย
พื้นที่ที่เปิดขายคอนโดมิเนียมมากที่สุดในปี 2555 คือ จังหวัดนนทบุรี 10,700 ยูนิต เขตห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง 10,000 ยูนิต สุขุมวิทตอนปลาย 5,700 ยูนิต และเมื่อบวกกับจำนวนห้องชุดคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่จังหวัดสมุทรปราการอีก 5,900 ยูนิต จะพบว่าเขตรอยต่อระหว่างสุขุมวิทตอนปลายถึงสมุทรปราการมีจำนวนห้องชุดคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากถึง 11,600 ยูนิต โดยส่วนใหญ่จะเปิดขายตามแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก
นายสัมมากล่าวว่า ส่วนพื้นที่ที่เปิดบ้านจัดสรรมากที่สุด คือ สมุทรปราการ 5,000 ยูนิต อำเภอลำลูกกาคลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ 4,500 ยูนิต เขตมีนบุรีหนองจอก-คลองสามวา-ลาดกระบัง 4,100 ยูนิตอำเภอบางกรวย-บางใหญ่-บางบัวทอง-ไทรน้อย ประมาณ 3,950 ยูนิต นอกจากในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลแล้ว ผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางหลายรายหันไปเปิดโครงการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดมากขึ้น ทั้งชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ อุดรธานี อุบลราชธานี ฯลฯ
นายสัมมากล่าวว่า ส่วนปี 2556 ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะกลับมาทำโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น ในพื้นที่ปริมณฑลและเขตรอบนอกของกรุงเทพฯ โดยผู้ประกอบการควรลดเปิดโครงการคอนโดมิเนียมลงให้เหลือไม่เกิน 60,000 ยูนิต เนื่องจากในรอบ 3 ปี ระหว่าง 2553-2555 มีการเปิดใหม่ไปแล้วรวม 169,000 ยูนิต และโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างหรือยังไม่เริ่มก่อสร้าง ซึ่งยังเหลือขายอยู่กว่า 50,000 ยูนิต ดังนั้นหากปีนี้สร้างมากเกินไปจะทำให้ยูนิตเหลือเพิ่มขึ้นอีกมากจนสถานการณ์น่าเป็นห่วงว่าจะ ล้นตลาด
สำหรับจังหวัดที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่อไปในอนาคต นอกเหนือจากกรุงเทพฯปริมณฑล ได้แก่ จังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือที่อยู่ในเส้นทางคมนาคมหลักในปัจจุบันและอนาคต และอยู่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะด้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เส้นทางคมนาคมหลักดังกล่าว ได้แก่ เส้นทางยุทธศาสตร์ East-West Economic Corridor ทางหลวงแผ่นดินหรือมอเตอร์เวย์สายใหม่ เส้นทางรถไฟความเร็วสูง สนามบินที่มีเที่ยวบินสะดวก รวมถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ดินในพื้นที่เศรษฐกิจหรืออำเภอเมืองของหลายจังหวัดภาคอีสานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2555 เช่น ในจังหวัดอุบลราชธานี มุกดาหาร อุดรธานี หนองคาย ฯลฯ ในบางพื้นที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวหรือมากกว่า จึงควรระมัดระวังปัญหาฟองสบู่ราคาที่ดินในพื้นที่เหล่านี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
http://www.reic.or.th/News/News_Detail.aspx?newsid=43319
----------------------------------------------------
FfF