บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


17 สิงหาคม 2554

<<< ตัวอย่างที่เลวในการจัดอันดับ >>>

มาดูข้ออ้างทักษิณติดอันดับ 5 ผู้นำที่ไม่ดีในการบริหารประเทศ
ตามที่คอลัมนิสต์ สื่อเครือ วอชิงตันโพสต์ จัดอันดับ
ซึ่งก็เป็นแค่ความเห็นหนึ่งของคอลัมนิสต์คนเดียว
แต่สื่อไทยกับนำมาขยายความซะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
แถมชอบเอามาอ้างกันเป็นวรรคเป็นเวร
อนาถใจจริงๆ ทั้งๆ ที่บิดเบือนหลายเรื่องเห็นๆ

-------------------------------------------------------

แม้วติดทำเนียบ5อันดับ เลวสุดในโลก! วอชิงตันโพสต์จัดให้

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 11 ตุลาคม 2553 00:19 น.

ASTVผู้จัดการรายวัน - กระฉ่อนโลก แม้วเลวติดท็อปไฟว์ วอชิงชัตโพสต์โดย Joshua E.Keating แฉพฤติกรรมผู้นำ 5 ประเทศ ที่เป็น "ตัวอย่างที่เลว" ใช้อำนาจในทางมิชอบและละเมิดสิทธิมนุษยชน เผยทักษิณได้หนังสือเดินทางแบบผิดกฎหมาย พร้อมโยงเสื้อแดงม็อบติดอาวุธ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ www.foreignpolicy.com ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ได้เผยแพร่บทความชื่อ "ตัวอย่างที่เลว" เขียนโดย Joshua E.Keating มีเนื้อหาสรุปพฤติกรรมของผู้นำจาก 5 ประเทศ ที่เป็นตัวอย่างไม่ดีในการบริหารประเทศ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย อยู่ในอันดับที่ 5

เนื้อหาในเว็บไซต์นี้ยังตีพิมพ์อยู่ในนิตยสารชื่อ foreignpolicy ซึ่งนอกจากจะพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษแล้ว ยังพิมพ์เป็นภาษา อาระบิค บุลกาเรีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น โปรตุเกส เกาหลี และสเปน ด้วย โดยนิตยสารฉบับดังกล่าวเคยได้รับรางวัล WINNER OF THE NATIONAL MAGAZINE AWARD FOR GENERAL EXCELLENT ในปี 2003 ,2007 และ 2009 รวมทั้งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนี้ในปี 2005 และ 2006 ด้วย ขณะที่เว็บไซต์ www.foreignpolicy.com ก็เคยได้รับรางวัลชนะเลิศมาแล้วเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งในนักเขียนของนิตยสาร foreignpolicy ยังเคยได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ด้วย โดยนิตยสาร foreignpolicy เป็นที่นิยมอ่านในหมู่ผู้นำที่ทรงอิทธิพลด้านธุรกิจและการเมืองมากกว่า 160 ประเทศ

สำหรับคำแปลจากเวบไซต์มีสาระสำคัญดังนี้

"อดีตประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีส่วนใหญ่อุทิศชีวิตเพื่อสร้างความแตกต่างที่ดีให้กับโลก หรืออย่างน้อยก็ลดบทบาทหายไป นี่คือห้าอดีตผู้นำที่ไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง...

อันดับที่ 5.ทักษิณ ชินวัตร

อาชีพเก่า : นายกรัฐมนตรีไทย ปี 2001-2006

ภาพลักษณ์ใหม่ : นับตั้งแต่ถูกออกจากตำแหน่งในการรัฐประหาร เมื่อปี 2006 ท่ามกลางคำกล่าวหาเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทักษิณใช้ชีวิตอยู่ด้วยการเดินทางไปมา อดีตนักธุรกิจมหาเศรษฐีพันล้านได้ทำหน้าที่เป็น "ทูตพิเศษ " ให้กับนิคารากัว และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา และเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ

มีรายงานว่า ทักษิณอาศัยอยู่ในเยอรมนีโดยใช้ชื่อปลอมเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี และใช้หนังสือเดินทางที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากประเทศต่างๆ ขณะนี้ทักษิณ อาศัยอยู่ที่ดูไบ

ในปีนี้ ผู้สนับสนุนทักษิณ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “เสื้อแดง” ได้ครอบครองพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ และ บุกตึกสถานที่ราชการทั่วประเทศ เพื่อพยายามบังคับรัฐบาลให้ลงจากตำแหน่ง ประมาณ 90 คน ถูกฆ่าเสียชีวิตในการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงที่มักจะติดอาวุธและตำรวจ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงหยุดยิง ศาลไทยได้พิจารณาข้อหาทักษิณ กรณีบทบาทของเขาในการปลุกระดมการประท้วง โดยทักษิณ ไม่ได้มาปรากฏตัวต่อศาลเพื่อต่อสู้คดี

แม้ว่าทักษิณจะให้เสียงสนับสนุนเสื้อแดง -- เขาเคยโทรศัพท์ เข้ามายังที่ชุมนุมประท้วงครั้งหนึ่ง และสัญญาที่จะ "ทำให้คนไทยทุกคนรวย" ถ้าผู้สนับสนุนของเขาสามารถได้รับอำนาจทางการเมืองกลับคืนมา -- แต่เขาปฏิเสธว่า ไม่ได้ให้เงินสนับสนุนความพยายามของกลุ่มผู้ชุมนุม ทักษิณยังถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทุจริตเพิ่มเติมตั้งแต่ได้หลบหนีไป อย่างไรก็ตาม เขายังคงยืนยันว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง

ตั้งแต่เสื้อแดงพ่ายแพ้ ทักษิณได้ลดการปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ และลดกิจกรรมทางการเมือง เมื่อเดือนสิงหาคม ทักษิณได้ยอมสละตำแหน่งในรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศลง

ส่วน 4 คนที่เหลือมีดังนี้ อันดับ 1.GERHARD SCHRODER

อาชีพเก่า : นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ปี 1998-2005

ภาพลักษณ์ใหม่ : ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี Schroder สนับสนุนรัสเซียมาโดยตลอด โดยปฏิเสธการวิพากษ์วิจารณ์สิทธิมนุษยชนในรัสเซีย และกล่าวถึง Vladimir Putin ประธานาธิบดีรัสเซียในขณะนั้นว่าเป็นนักประชาธิปไตยที่ไม่มีที่ติ แต่สาธารณชนเยอรมันยังคงตกใจกับการกระทำสุดท้ายของเขา

ไม่ถึงหนึ่งเดือนก่อนที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง Schroder ช่วยจัดหาเงินกู้จำนวน 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ Gazprom ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐที่ผูกขาดธุรกิจน้ำมันของรัสเซีย และDmitry Medvedev ประธานาธิบดีรัสเซียคนปัจจุบันเคยเป็นผู้บริหารในอดีต

เมื่อลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี Schroder ได้รับตำแหน่งประธานโครงการท่อก๊าซ Nord Stream ของ Gazprom ซึ่งเป็นโครงการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก และจะทำให้เยอรมนีต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติของรัสเซียมากขึ้น โดยโครงการดังกล่าวได้รับการตกลงขณะที่ Schroder ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การกระทำของ Schroder กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองที่สำคัญในประเทศเยอรมนี โดยประชาชนต่างสงสัยในเหตุผลที่ทำให้ Schroder กระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งที่จะเจรจาความตกลงโครงการท่อก๊าซดังกล่าวตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ Schroder บอกกับหนังสือพิมพ์ภาษาเยอรมันฉบับหนึ่งว่า "ผมไม่เห็นว่าผมได้ทำอะไรผิด" และศาลได้บังคับใช้คำสั่งปิดปาก เพื่อป้องกันไม่ให้ Westerwelle Guido นักการเมืองคู่ต่อสู้ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สามารถวิพากษ์วิจารณ์ Schroder ได้

เมื่อเร็วๆ นี้ Schroder ได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของบริษัทย่อยในรัสเซีย TNK-BP ของบริษัท BP ซึ่งกำลังประสบปัญหา โดยเจ้าของฝ่ายชาวอังกฤษได้กล่าวหาว่า รัฐบาลรัสเซียพยายามที่จะก่อกวนเพื่อให้ออกจากประเทศ Schroder ยังคงทำตามแนวทางของรัสเซียด้านประเด็นนโยบายต่างประเทศ โดยปกป้องความน่าเชื่อถือด้านความเป็นประชาธิปไตยของ Putin และวิพากษ์วิจารณ์การรับรองความเป็นเอกราชของโคโซโว

2.นาย JOSE MARIA AZNAR

อาชีพเก่า : นายกรัฐมนตรีสเปน ปี 1996-2004

ภาพลักษณ์ใหม่ : ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งชาวสเปนไม่ลงคะแนนเลือก Aznar ภายหลังจากที่รัฐบาลของเขาพยายามที่จะโทษ ETA ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาว Basque กรณีการระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริดเมื่อปี 2004 ในขณะที่ความจริงเป็นการกระทำของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่หวังจะลงโทษสเปนสำหรับการสนับสนุนสงครามอิรัก ตั้งแต่นั้นมา Aznar ซึ่งปัจจุบันบริหารสถาบันวิชาการและเป็นคณะกรรมการบริษัท News Corp ของ Rupert Murdoch ได้สร้างความแตกต่างให้กับตนเองโดยการใช้คำพูดแบบสุดโต่งของเขา

Aznar ได้ร่วมกับประธานาธิบดี Vaclav Klaus ของสาธารณรัฐเช็ก ในการเรียกภาวะโลกร้อนว่าเป็น “ศาสนาใหม่” และเรียกนักสิ่งแวดล้อมว่าเป็น “ผู้ถือธงของความเชื่อว่าจะเกิดโลกาวินาศจากโลกร้อน …ผู้แสวงหาเพื่อจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลโดยอ้างเหตุผลอันสูงส่ง…เช่นเดียวกับที่พวกคอมมิวนิสต์ได้กระทำ” (ไม่ต้องคำนึงว่าภายใต้รัฐบาลของ Azhar สเปนได้ลงนามในพิธีสารเกียวโตเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน)

Aznar ยังได้แนะให้ชาวมุสลิมขออภัยสำหรับการครอบครองสเปนในยุคกลาง และได้เรียกความพยายามในการหารือระหว่างศาสนา / ความเชื่อว่าเป็นเรื่องโง่เง่า อีกทั้งยังกล่าวถึงการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันของสหรัฐฯ ว่าเป็น "ความแปลกครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์ และความหายนะทางเศรษฐกิจที่คาดหมายได้”

Aznar ยังโจมตีการรณรงค์ของรัฐบาลสเปนเพื่อต่อต้านการขับรถขณะมึนเมา -- โดยในขณะรับรางวัลจากสมาคมผู้ผลิตไวน์ นาย Aznar กล่าวว่า "ให้ผมตัดสินใจให้กับตัวเอง นี่เป็นเรื่องของเสรีภาพ ใครขอให้คุณมาขับรถให้ผม ปล่อยให้ผมดื่มไวน์ในความสงบ ผมไม่ได้ทำให้ใครต้องอยู่บนความเสี่ยง”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Aznar ได้เริ่มการรณรงค์เพื่อระดมการสนับสนุนระหว่างประเทศสำหรับอิสราเอล แต่อิสราเอลอาจจะต้องการพิจารณาว่า Aznar จะเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับอิสราเอลได้จริงหรือไม่

3.OBASANJO OLESEGUN

อาชีพเดิม : ประธานาธิบดีไนจีเรีย ปี 1999-2007

ภาพลักษณ์ใหม่ : ผู้ที่ครั้งหนึ่งได้รับการชื่นชมว่าช่วยเหลือให้ประเทศของเขาเปลี่ยนแปลงจากเผด็จการทหาร มาเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแม้จะมีความวุ่นวายและรุนแรงบ้าง เมื่อไม่นานนี้ชื่อเสียงของ Obasanjo ต้องแปดเปื้อนจากการสอบสวนเรื่องคอร์รัปชั่นอย่างต่อเนื่อง ขณะนั้น Obasanjo ไม่เคยมีความเต็มใจที่จะลงจากตำแหน่งอย่างแท้จริง เขาพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญไนจีเรีย เพื่อให้สามารถดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่สาม และเมื่อล้มเหลว เขาได้แต่งตั้ง Umaru Yar’Adua มาดำรงตำแหน่งแทนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าถูกครอบงำ
ชาวไนจีเรียจำนวนมากสงสัยว่า การเลือก Yar’Adua มาดำรงตำแหน่งแทน เป็นเพราะเขาถูกมองว่าอ่อนแอ และสามารถถูกครอบงำได้โดยง่ายโดยผู้ที่ภักดีต่อ Obasanjo ในรัฐบาลของเขา (อย่างไรก็ตามอิทธิพลทางการเมืองของ Obasanjo ได้ลดลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่เพิ่งผ่านมา)

นอกจากการถูกโจมตีจากการเปิดเผยใหม่ๆ เรื่องคอร์รัปชันในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งรวมถึงสินบนนับร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัท Halliburton ของสหรัฐฯ แล้ว Obasanjo ยังกลายเป็นผู้พัวพันในเรื่องอื้อฉาวส่วนตัวที่ยุ่งเหยิง เมื่อลูกชายของเขาได้ฟ้องศาลว่า Obasanjo มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับลูกสะใภ้ของตนเอง

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้อาศัยในเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ของไนจีเรียนับพันได้ประท้วงแผนการทำลายบ้านเรือนของตนภายหลังจากที่ Obasanjo ได้เข้ามาครอบครองที่ดิน Iyabo ลูกสาวของ Obasanjo ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกของไนจีเรีย ต้องได้รับความอับอายเมื่อถูกบังคับให้ต้องยอมรับว่าได้ถอนเงินหลายพันดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณสาธารณสุขของประเทศ เพื่อจ่ายค่าการเดินทางไปประเทศกานา

Obasanjo ยังคงมีบทบาทอย่างสูงในการเมืองระหว่างประเทศ โดยทำหน้าที่ผู้แทนสหประชาชาติในการเจรจาสันติภาพในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แต่แนวความคิดแบบดั้งเดิมของเขาในบางครั้งได้ทำความอับอายให้แก่สหประชาชาติ ในงานของสหประชาชาติงานหนึ่งในปีนี้ ซึ่งอดีตเลขาธิการสหประชาชาติ Kofi Annan เข้าร่วมด้วย Obasanjo กล่าวถึงพวกรักร่วมเพศว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และปฏิเสธสิทธิส่วนบุคคลในเรื่องส่วนตัว โดยกล่าวด้วยว่า “คุณอยากจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับม้าหรือ”

และ 4.JOSEPH ESTRADA

อาชีพเดิม : ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ปี 1998-2001

ภาพลักษณ์ใหม่ : ดาราภาพยนตร์แอ็คชั่นที่ผันตัวเองมาเป็นประธานาธิบดี Joseph Estrada ถูกขับไล่ออกจากตำแหน่งไปในปี 2001 ภายหลังดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงครึ่งวาระ ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องคอรัปชั่น Estrada ยอมรับด้วยว่าตนมีลูกนอกสมรสจำนวนหลายคน และมีรายงานว่า Estrada ตัดสินใจทางนโยบายเรื่องสำคัญๆ ด้วยความช่วยเหลือของ “คณะรัฐมนตรีเที่ยงคืน” จากเพื่อนๆ เก่าในวงเหล้า Estrada ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกง” ในปี 2007 และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ได้รับอภัยโทษหลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ โดย Gloria Macapagal Arroyo ผู้ที่มาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน ภายใต้ข้อตกลงว่าห้าม Estrada กลับเข้ามาสู่การเมืองอีกต่อไป
แต่ Estrada ก็ไม่ได้ทำตามสัญญา และลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2010 โดย Estrada กล่าวกับ New York Times ว่า “เพื่อเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง และพิสูจน์ให้ผู้ที่ขับไล่ผมทราบว่าเขาเป็นฝ่ายผิด” แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความวุ่นวายทางกฎหมายครั้งใหม่ และเดือนแห่งสิ่งท้าทายในประเด็นที่ว่าเขามีความสิทธิที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีหรือไม่ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้ว Estrada ชนะคดีในที่สุด แต่ก็พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับ Benigno “Noynoy” Aquino ลูกชายอดีตประธานาธิบดี Corazon Aquino

ปัจจุบันเอสตราดากำลังเตรียมตัวต่อสู้กับคดีในสหรัฐอเมริกา กรณีที่บุตรสาวของนักประชาสัมพันธ์ชาวฟิลิปปินส์ผู้หนึ่งอ้างว่า Estrada มีส่วนพัวพันในการฆาตกรรมพ่อของเธอ ในปี 2001 Estrada กล่าวติดตลกกับ Philippine Daily Inquirer ในเรื่องนี้ว่า “เป็นเรื่องเหลวไหล เขาจะได้อะไรจากผม ผมจะไปเอาเงินที่ไหนมา”

Estrada ยังคงได้รับความนิยมในหมู่ชาวฟิลิปปินส์ผู้ยากไร้ และคงยังมีอิทธิพลต่อการเมืองผ่านการควบคุมพรรคการเมืองของเขา แต่ประเทศชาติคงจะดีกว่านี้ถ้าแอ็คชั่นฮีโรผู้นี้กลับไปให้ความสนใจกับงานภาพยนต์ของเขา.

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000142562

-------------------------------------------------------

สิ่งที่จับผิดได้หลายเรื่องจากคำอธิบายในการจัดอันดับ
ให้ทักษิณติด 1 ใน 5 ผู้นำที่ไม่ดีในการบริหารประเทศ

‎1. ผู้นำที่ได้อำนาจมาจากการปล้นอำนาจประชาชนมา
จำนวนมากมายหลายสิบหลายร้อยคนกลับไม่ติดอันดับ
ส่อให้เห็นว่าคนเขียนไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย
อยู่ในสายเลือดเลยสักนิดเดียว
แถมยังเห็นดีเห็นงามกับการทำรัฐประหาร
ยอมรับข้ออ้างต่างๆ ของคณะรัฐประหาร
ที่พิสูจน์แล้วหลายเรื่องไม่เป็นความจริง
และวิธีการดำเนินคดีไม่ชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง
ตั้งแต่ปล้นอำนาจ ตั้งพวกอคติต่อต้านทักษิณมาหาเรื่อง
นั่นนี่แม้กระทั่งตัวผู้พิพากษาก็ไม่นำคนที่สังคมไม่กังขา
ในความเป็นกลางมาตัดสินด้วย

2. "ใช้หนังสือเดินทางที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากประเทศต่างๆ"
- ข้อหานี้ก็บิดเบือนจงใจใส่ร้ายเขา
ถึงกับระบุว่าผิดกฏหมายจากประเทศต่างๆ
เขามีหนังสือเดินทางจากหลายประเทศ
เพราะมีผู้นำประเทศมอบให้เขา ทั้งมอนเตรนิโกรอะไร
และอีกหลายที่ ถ้ามันได้มาอย่างผิดกฏหมาย
แล้วอยู่ได้ยังไงจนบัดนี้ไปประเทศนั้นทีประเทศนี้ที
ที่สำคัญทำไมไม่พูดถึงบ้างว่า
โดนไล่ล่าจากพวกต่อต้านเขาทุกรูปแบบ
ซึ่งมันก็ไม่ถูกกฏหมายมาตั้งแต่ต้นตั้งแต่ทำรัฐประหารมาแล้ว
เขาถึงต้องตกอยู่ในสภาพที่เห็น
แต่นานาชาติก็ไม่ได้ทำตามที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ร้องขอ
ทั้งๆ ที่มีทีมไล่ล่าพร้อมกดดันรัฐบาลหลายประเทศ
ห้ามทักษิณเข้าประเทศทุกรูปแบบ
เอาผลประโยชน์ของประเทศไปต่อรองก็ยังมี
ผู้บริหารประเทศที่ทำแบบนี้ไม่ติดอันดับบ้างหรือ
และปัจจุบันพอเปลี่ยนรัฐบาลหลายประเทศ
ก็ให้เข้าได้ปกติทั้งๆ ที่ยังไม่มีพาสปอร์ตของไทย
เยอรมันก็ให้เข้าแล้ว อีกหลายประเทศก็จะตามมา

<<< รัฐบาลอภิสิทธิ์ คิดใช้ผลประโยชน์ประเทศไทย ไปต่อรองไล่ล่าทักษิณ >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_16.html

‎3. "ในปีนี้ ผู้สนับสนุนทักษิณ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม “เสื้อแดง”
ได้ครอบครองพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ และ บุกตึกสถานที่ราชการทั่วประเทศ"
- เหตุผลข้อนี้แสดงถึงความไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ในไทยอย่างชัดเจน
ใครมีข่าวเสื้อแดงบุกตึกสถานที่ราชการทั่วประเทศ
ช่วยนำมาให้ดูหน่อยซิ ทุเรศจริงๆ ตอแหลซะไม่มี

4. "เพื่อพยายามบังคับรัฐบาลให้ลงจากตำแหน่ง
ประมาณ 90 คน ถูกฆ่าเสียชีวิตในการปะทะกัน
ระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงที่มักจะติดอาวุธและตำรวจ
ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงหยุดยิง"
- นี่ก็มั่วเขาปะทะกับทหารกับไม่พูดถึงทหารเลย
และจบด้วยการใช้กำลังทหารอาวุธหนักเต็มที่ยิงไม่เลี้ยง
ไม่ใช่ตกลงหยุดยิง และกลุ่มผู้ประท้วงที่มักจะติดอาวุธเฉพาะบางคน
แนวหน้าจริงๆ ที่ปะทะกับอาวุธปืน รวมพวกถือหนังสติกให้แล้วด้วย
แต่มวลชนทั่วๆ ไปไม่มี เขียนแบบนี้ส่อเจตนาบิดเบือน
ว่าเสื้อแดงส่วนใหญ่หรือทุกคนมักติดอาวุธ
ส่อเค้าว่านั่งเทียนวิเคราะห์จากข้อมูลที่มีคนส่งไปให้
หรือนั่งอ่านจากสื่อภาษาอังกฤษของไทยที่มีอคติต่อทักษิณก็เป็นได้

5. "ศาลไทยได้พิจารณาข้อหาทักษิณ
กรณีบทบาทของเขาในการปลุกระดมการประท้วง
โดยทักษิณ ไม่ได้มาปรากฏตัวต่อศาลเพื่อต่อสู้คดี"
- นี่ก็สุดๆ ไปเลย เขาอยู่ต่างประเทศโดนคดีการเมืองเข้าไทยไม่ได้
สมัย คมช. ห้ามแม้แต่นักข่าวไปสัมภาษณ์
ได้ข่าวว่าจะบินผ่านไทยรัฐบาลสมัยนั้นรวมทั้งสมัยอภิสิทธิ์
ส่งเครื่องบินไปไล่กดดันห้ามบินผ่าน
และยังมีที่ระบุว่าห้ามเข้าประเทศ

ซึ่งหลายเรื่องก็เกิดก่อนการตัดสินคดีรัชดา
ซึ่งคดีนี้ก็คดีการเมืองชัดๆ

หลักฐานไม่ชอบธรรมส่อเป็นคดีการเมืองมีหลายเรื่อง
ไม่เชื่อแปลเรื่องที่ดินรัชดาข้างล่างหลายๆ ภาษาไปแจกดูซิ
แล้วชาวโลกทั่วไปเขาจะหูตาสว่างมากขึ้น


<<< ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ เรื่อง ที่ดินรัชดา >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_1673.html

6. "เขาเคยโทรศัพท์ เข้ามายังที่ชุมนุมประท้วงครั้งหนึ่ง
และสัญญาที่จะ "ทำให้คนไทยทุกคนรวย""
- นี่ก็ตลกไม่เคยได้ยิน แค่ต้องการดิสเครดิตคนเสื้อแดง
ว่าเป็นพวกยากจนอยากรวยจึงออกมาชุมนุมมาช่วยทักษิณซะมากกว่า
หลายบทความที่ไปอ่านในเว็บก็ดูถูกว่าคนเสื้อแดงเป็นพวกยากจน
การศึกษาน้อยอะไรประมาณนั้น ทำอย่างกะว่าพวกสนับสนุนพวกอื่นนี่
รวยทุกคน การศึกษาสูงกว่าคนเสื้อแดงทุกคน มีเหตุผลทำงานเก่งกว่าทุกคน
เป็นคนดีศรีศีลธรรมดีกว่าเสื้อแดงทุกคนยังงั้นแหล่ะ
ทัศนะคติแบบนี้ ก็แค่คนเขียนข่าววิเคราะห์ข่าวตามความเห็นของตนเอง
ข้อมูลจำนวนมากที่กล่าวหาก็เห็นๆ อยู่ว่าบิดเบือนหลายๆ เรื่อง
เหมือนนั่งเทียนวิเคราะห์หรือไม่ก็รับเงินมาเขียน
ถ้าแบบนี้เชื่อ ก็ต้องเชื่อด้วยถ้าผมจะบอกว่าสื่อนี้เลวที่สุดในโลก
โดยนั่งเทียนใช้เรื่องนี้เรื่องเดียวตัดสินแบบที่เขาทำ

7. "มีเนื้อหาสรุปพฤติกรรมของผู้นำจาก 5 ประเทศ
ที่เป็นตัวอย่างไม่ดีในการบริหารประเทศ"
- ทำมาอ้างด้วยวาทะกรรมสวยหรูในการจัดลำดับผู้นำที่แย่ครั้งนี้
แต่ข้ออ้างที่นำมาแสดงพบว่าเป็นช่วงหลังรัฐประหารแล้วแทบทั้งสิ้น
มีเรื่องคดีการเมืองที่ติดชงักอยู่เรื่องเดียวแต่ส่วนใหญ่เน้นเรื่องปัจจุบัน
ที่เขาไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศแล้ว หลายปีมาแล้วด้วย
นี่ก็นั่งเทียนจับได้อีก

8. "อดีตประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีส่วนใหญ่
อุทิศชีวิตเพื่อสร้างความแตกต่างที่ดีให้กับโลก
หรืออย่างน้อยก็ลด บทบาทหายไป
นี่คือห้าอดีตผู้นำที่ไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง..."
- วาทะกรรมในการเกริ่นนำสวยหรูดีแต่มันไม่สอดคล้องกับผลที่จัด
เพราะมันเหมือนกับแสดงว่า ซัดดัมนี่ดีกว่าทักษิณ
กัดดาฟี่ก็ดีกว่าทักษิณ และอีกเพียบที่แย่ๆ เลวๆ ในสายตาชาวโลก
ดีกว่าทักษิณ ยังมีอีกเพียบ เอาแค่สองรายชื่อที่ว่ามา
ทำไมไม่เข้าเกณฑ์หรือว่าสองคนนี้คือ
พวกสร้างความแตกต่างที่ดีให้กับโลก
มันทำให้ความน่าเชื่อถือในการจัดอันดับหายไปเลย
เหมือนจัดเอามันตามใบสั่งซะมากกว่าแบบนี้
ที่สำคัญทำไมอภิสิทธิ์ที่เกี่ยวพันกับเรื่องแบบข้างล่างนี้
ยังมีอีกเยอะหลายเรื่องนี่แค่ตัวอย่าง
ทำไมไม่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นผู้บริหารประเทศที่แย่บ้าง
หรือว่าบริหารประเทศแบบนี้มีที่มาแบบนี้
คือผู้นำที่ดีในสายตาคนจัดอันดับครั้งนี้

<<< หลักฐานที่เชื่อได้ว่า รัฐบาลนี้มาเป็นโดยมีพวกให้ท้ายหนุนหลัง >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_2680.html

<<< เหตุผลที่ผมคิดว่า รัฐบาลนี้มาโดยไม่เป็นประชาธิปไตย >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_5072.html

<<< เรื่องแบบนี้ ต้องใช้จริยธรรมสูงขนาดไหน >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_6374.html

<<< สรุปผลงาน 1 ปี ระบอบอภิสิทธิ์ >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/12/blog-post_15.html

<<< รัฐบาลอภิสิทธิ์ คิดใช้ผลประโยชน์ประเทศไทย ไปต่อรองไล่ล่าทักษิณ >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/05/blog-post_16.html

โดย มาหาอะไร
FfF