บันทึกเรื่องราว สืบสาวความจริง ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน.
Save the stories. Investigate the truth. Give to the next generation.


02 กันยายน 2552

<<< 19 กันยา วันปล้นประชาธิปไตย >>>

เป็นที่รู้กันโดยทั่วแล้วว่า
วันที่ 19 กันยายน 2549
เป็นวันรัฐประหารของพวก คมช.
เป็นวันที่อัปยศอีกวันของประชาธิปไตยไทย
เป็นวันที่ประชาธิปไตยไทยถูกทำลายมาจนถึงทุกวันนี้
จนบัดนี้ก็ยังอยู่ในช่วงการทำรัฐประหารแบบซ่อนรูป
และเป็นวันที่หลายคนได้รับรู้ถึงขบวนการทำลายประชาธิปไตย
ว่ามีใครพวกไหนเกี่ยวข้องบ้างทั้งต่อหน้าและลับหลัง
จึงเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศนี้
ที่ควรบันทึกและจดจำเอาไว้
เพื่อให้ลูกหลานได้รำลึกถึงวันนี้ในทุกๆ ปี
อันที่จริงแล้วการทำรัฐประหาร
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ก็มีหลายสิบครั้งแล้ว
แต่ครั้งล่าสุดนี้ เด่นชัด หูตาสว่าง ปราศจากข้อกังขาใดๆ ที่สุด
แม้จะทำกันอย่างแนบแนียนยังไง
หรือจะทำให้คลุมเครือในเวลาต่อมาก็ตาม
ก็ไม่อาจทำให้หูตามืดมัวเหมือนอย่างเดิม
มันจึงเป็นวันที่ดีที่สุดที่จะเลือกมาจดจำเอาไว้ว่า
"19 กันยา วันปล้นประชาธิปไตย"
"19 กันยา วันประชาธิปไตยถูกทำลาย"
"19 กันยา วันเปิดหูเปิดตา นักประชาธิปไตย"
"19 กันยา วันเปิดหน้าจอมบงการ"
"19 กันยา วันอำมาตยาธิปไตย"

19 กันยา 49
วันที่ชาวประชาลืมไม่ลง
บางคนก็ปลงกับชีวิต
บางคนก็คิดสู้ไม่เลิกลา
เพื่อให้โจรที่ปล้นประชาธิปไตยไป
ได้รับรู้ว่าคนไทยส่วนหนึ่งไม่มีวันยอม
และพร้อมต่อสู้จนได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา

ตาสว่างเพราะ 19 กันยา

แต่ก่อนนั้น ฉันโง่เหง้า เบาปัญญา
ถูกหลอกมา หลายปี เพิ่งจะรู้
ว่าใจกรู สิทธิกรู ใช่ของกรู
เพิ่งจะรู้ 19 กันยา มารปล้นไป

แต่ตอนนี้ พี่น้อง ผองเพื่อนไทย
รู้ว่าใคร พวกไหน ทำอะไร
ถึงเจ็บใจ แต่ได้ ตาสว่างไกล
ขอบคุณให้ ใครต่อใคร ในวันนั้น.


เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำรอยขึ้นอีก
และเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงกลับมาให้ได้
ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันสร้างนักประชาธิปไตยขึ้นมาให้มากที่สุด
ไม่มีเผด็จการที่ไหนดำรงอยู่ได้
ในสภาวะแวดล้อมที่มีนักประชาธิปไตยมากมาย

การสร้างนักประชาธิปไตยให้มีมากขึ้น
จะเป็นหลักประกันว่า
ประเทศนี้จะไม่มีเหตุการณ์ปล้นประชาธิปไตยอีก
อาจช้าหน่อยแต่ดีกว่าการรวมตัวกัน
เพื่อขับไล่พวกนั้นพวกนี้อย่างเดียว

เพราะว่าไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า
อนาคตคนที่มาร่วมขับไล่วันนี้
จะไม่มาเรียกร้องการทำรัฐประหารเสียเอง
เหมือนคนเดือนตุลา เดือนพฤษภา บางคน
วันเวลาเปลี่ยน ผลประโยชน์เปลี่ยน การเลือกข้างก็เปลี่ยน
เพราะไม่ได้ยึดอุดมการณ์ประชาธิปไตยมาตั้งแต่แรก
อาศัยสถานการณ์พาไปมีคนมาชุมนุมมากๆ
ก็ร่วมกันขับไล่แก๊งส์เผด็จการไปที
เสร็จแล้วแล้วกัน
ไม่มีการปลูกฝังอุดมการณ์ให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป

จึงมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
อยู่เรื่อยๆ แบบเช่นทุกวันนี้


การปลูกฝังประชาธิปไตยก็เริ่มจาก
การไม่ยอมรับคำว่า "ประชาธิปไตยแบบไทยไทย"
การไม่ยอมก้มหัวให้คนที่สนับสนุนการทำรัฐประหาร
การนำประชาธิปไตยมาใช้ในชีวิตประจำวันจนเกิดความเคยชิน
และการเผยแพร่ลัทธิประชาธิปไตยออกไปอย่างแพร่หลาย
การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย
ก็ต้องยึดหลักการประชาธิปไตยให้มากที่สุด
ปลูกฝังค่านิยมการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ต่อต้านความอยุติธรรม
ต่อต้านการละเมิดสิทธิเสรีภาพ
ต่อต้านการทำรัฐประหาร

ทุกคนต้องฝึกฝนตนเอง
เพื่อสำรวจความก้าวหน้า
ในการเป็นเสรีชนคนรักประชาธิปไตย
โดยสำรวจความมั่นใจว่า
ท่านสามารถนำตนเองได้
ตัดสินสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง
ไม่จำเป็นต้องรอใครมานำ
ไม่จำเป็นต้องมีใครมาสั่ง
ก็สามารถเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยได้
โดยใช้ใจนำทางพร้อมเหตุผลประกอบการตัดสินใจ
ถ้าทุกคนก้าวพ้นมาถึงขั้นนั้นเยอะๆ
ประชาธิปไตยไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างแน่นอน
แต่ถ้ายังก้าวไม่พ้นกัน
โอกาสไปไม่ถึงฝันมีสูงมาก
เพราะหากทุกคนจะเคลื่อนไหว
ต้องรอให้มีคนสั่งก่อน
ไม่สั่งเคลื่อนไหวเองไม่ได้
จบง่ายมากๆ ม็อบแบบนี้
เรายังคิดวิธีทำให้จบได้
ทำไมพวกนั้นมันจะคิดไม่ได้

ปล. อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับประชาธิปไตยเพิ่มเติมจาก Link ด้านล่างนี้

ประชาธิปไตย
Democracy

<<< การอภิปรายโต้เถียง คือรากแก้วที่หล่อเลี้ยงต้นประชาธิปไตย >>>
<<< ในโลกประชาธิปไตย ต่อสู้แบบหมากล้อมน่าจะดีกว่าหมากรุก >>>
<<< การเมืองใหม่ >>>
<<< สื่อจี้ >>>
<<< ความมีเหตุผล เป็นรากฐานสำคัญในสังคมประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ >>>
<<< เพราะเป็นมนุษย์ ถึงมีความคิดมีศักดิ์ศรี >>>
<<< เสรีภาพสื่อไม่ใช่เสรีภาพประชาชน >>>
<<< สงครามเย็น >>>
<<< จิตวิญญาณความเป็นไท >>>
<<< ลัทธิ ประชาธิปไตย >>>


โดย มาหาอะไร