ทำไมถึงชอบสนใจการเมือง
ผมก็ตอบไปทำนองว่า
การเมืองเกี่ยวข้องกับเรา ตั้งแต่เกิดจนตาย
เพราะว่ากฏหมายต่างๆ ที่ออกมาบังคับใช้
มีตั้งแต่วันที่เราเกิดยันวันที่เราตายเลย
แล้วทำไมเราถึงจะไม่สนใจการเมือง
แถมถ้าได้รัฐบาลที่บริหารไม่ดี บริหารไม่เก่ง
ทำประเทศเป็นหนี้มากมาย
หรือพาประเทศถอยหลังลงคลอง
หรือทำลายชื่อเสียงเกียรติภูมิของประเทศ
คุณว่าคนในประเทศนั้นๆ
จะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมไหม
อย่างกรณีเศรษฐกิจใกล้ๆ เลยก็วิกฤตต้มยำกุ้ง
ที่คนหลายคนยังจำไม่ลืม
หลายคนก็ลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
คนที่ต้องตกงานยุคนั้น
หรือคนล้มละลายหมดตัวกันในช่วงนั้น
ผมว่าอาจยังเหลืออีกเยอะที่ยังไม่ลืม
จะเห็นได้ว่า
ถ้าได้รัฐบาลที่บริหารไม่ดีประมาทเลินเล่อ
บริหารตามตำรา บริหารตามประเทศอื่นบอก
หรือหลับหูหลับตาลอกประเทศอื่นมา
โดยไม่ดูสภาพความเป็นจริงที่แตกต่างกัน
เหล่านี้มีโอกาสทำให้เกิดวิกฤตในอนาคตได้ทั้งนั้น
เช่น ถ้าปล่อยให้สร้างหนี้กันเยอะๆ
เพื่อไปหาเสียงเลือกตั้งกัน
เอาเงินงบประมาณไปแจกกัน
ไปซื้อเสียงล่วงหน้าในโครงการต่างๆ กัน
แล้วรัฐบาลอื่นมาก็ต้องทำตาม
ไม่งั้นจะอยู่รอดได้ยังไง
หลับตานึกก็เห็นภาพว่า
ถ้าทุกคนไม่สนใจการเมือง
หรือคนส่วนใหญ่ยังหลับใหล
ปล่อยไปตามยถากรรม
รัฐบาลไหนจะทำยังไงก็ปล่อยไป
เรื่องการเมืองไม่สนใจ
สนใจแต่เรื่องเฉพาะหน้า
เฉพาะเรื่องปากเรื่องท้องตนเองเท่านั้น
พอเกิดปัญหาจริงๆ
เช่น รัฐบาลไปก่อหนี้มากๆ
จนทำให้ประเทศล้มละลาย
โดนประเทศอื่นมายึดนั่นนี่
หรือไม่ก็ต้องรีดภาษีโหดๆ เพื่อไปใช้หนี้
ซึ่งก็จะได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ก็ตอนนั้นแหล่ะ
ยังไงก็หนีไม่พ้น
ต่อให้ไม่โดนรีดภาษี
ก็จะโดนหางเลขจากเครดิตประเทศไม่ดี
ทำให้การค้าขายการหารายได้ซบเซาไปด้วย
ตัวอย่างประเทศ กรีซ ตอนนี้
ที่มีรายได้ส่งออกน้อยกว่ารายได้นำเข้าค่อนข้างมาก
แต่ที่อยู่ได้เพราะรายได้จากการท่องเที่ยว
เมื่อเศรษฐกิจโลกไม่ดีก็กระทบหมดทุกที่
ประเทศท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะโดนหมด
ไม่ว่า กรีซ ดูไบ หรือแม้แต่ สเปน
ซึ่งเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวอันดับสองของโลก
กรณี กรีซ นอกจากภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ดีแล้ว
ปัญหาคอร์รัปชั่น ที่สะสมมานานก็เป็นส่วนหนึ่ง
ซึ่งปัญหานี้พี่ไทยก็ไม่แพ้ใครในโลกนี้เหมือนกัน
กินกันทุกระดับประทับใจ
รวมไปถึงการปล่อยปละให้รัฐบาล
ก่อหนี้สูงๆ ด้วยคำโฆษณาสวยหรูว่า
เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยไม่ดูความสามารถที่จะใช้หนี้คืน
หรือความสามารถในการหารายได้ประกอบ
หลงเชื่อเพียงว่า รัฐบาลคิดดีแล้ว
หรือนักเศรษฐศาสตร์ที่สนับสนุนนโยบายรัฐบาลนั้นๆ คิดดีแล้ว
โดยไม่ช่วยกันตรวจสอบ ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนไม่กี่คน
กรณี กรีซ คือคำตอบของอนาคตประเทศเหล่านั้น
เรื่องข้างล่างนี้คือตัวอย่างการตรวจสอบการโกงกินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
<<< สรุปผลงาน 1 ปี ระบอบอภิสิทธิ์ >>>
http://maha-arai.blogspot.com/2009/12/blog-post_15.html
ถ้าประเทศไหน คนที่ยังไม่สนใจการเมือง
หันมาสนใจการเมืองมากขึ้น
พร้อมกับสวมบทบาทคนมีสิทธิ์ในประเทศเหมือนกัน
ร่วมด้วยช่วยกันตรวจสอบ ติดตามผลงาน
หรือคอยยับยั้งนโยบายต่างๆ
ที่อาจพากันลงเหว
ได้ก่อนที่จะลงเหวไปแล้ว
ถึงจะลุกขึ้นมากรี๊ดดดดดดด
ประเทศนั้นจะมีอัตราเสี่ยงเกิดวิกฤตน้อยกว่าประเทศอื่น
คำคมสำหรับวันนี้
"การเมือง ต่อให้คุณไม่สนใจ
แต่ถึงยังไง ก็ได้รับผลกระทบอยู่ดี"
"ถ้าไม่สนใจการเมืองตั้งแต่วันนี้ อนาคตอาจจะ กรีซ ได้"
"ทุกคนเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้เหมือนๆ กัน
อย่าทำตัวเป็นแค่คนมาขออาศัยอยู่ไปวันๆ"
โดย มาหาอะไร
--------------------------------------------------
การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ
วันที่ 17 ธันวาคม 2552 09:21
S&P หั่นอันดับเครดิตกรีซลงสู่ระดับ BBB+
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สถาบันจัดอันดับเครดิตสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หั่นอันดับเครดิตกรีซลงสู่ระดับ BBB+ จากเดิม A- เตือนอาจหั่นเครดิตอีกหากไม่เร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณ
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก นอกเสียจากว่านายจอร์จ พาพันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซจะดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งในขณะนี้ยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาชาติสมาชิกสหภาพ ยุโรป (อียู)
การประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับเตือนให้นายพาพันเดรอูเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณโดยเร็ว
ก่อนหน้านี้รัฐบาลกรีซประกาศขายพันธบัตรมูลค่า 2 พันล้านยูโร (2.9 พันล้านดอลลาร์) ให้กับธนาคาร 5 แห่ง ขณะที่รัฐบาลกำลังพยายามที่จะฟื้นฟูสถานภาพทางการเงินที่กำลังย่ำแย่ โดยพันธบัตรดังกล่าวจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.พ. 2558
ทั้งนี้ ธนาคารที่เข้าร่วมในการขายพันธบัตรครั้งนี้ได้แก่ เนชั่นแนล แบงค์ ออฟ กรีซ, อัลฟา แบงค์, อีเอฟจี ยูโรแบงค์ เออร์กาเซียส, พีราอุส แบงค์ และซานเปาโล ไอเอ็มไอ
โดยรัฐบาลกรีซออกมาให้คำมั่นว่า จะใช้มาตรการเพื่อปรับปรุงด้านการเงินภาคสาธารณะ หลังจากที่ฟิทช์ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ จากระดับ A- ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำจัดอันดับให้กรีซอยู่ต่ำกว่า 'A'
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/foreign/20091217/91347/S&P-หั่นอันดับเครดิตกรีซลงสู่ระดับ-BBB+.html
--------------------------------------------------
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11601 มติชนรายวัน
วิกฤตหนี้"กรีซ" หนาวสะท้านทั่ว"ยุโรป"
ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมปี ที่แล้ว วิกฤตการเงินโลกครั้งร้ายแรงในรอบเกือบ 80 ปี ปะทุขึ้นเมื่อเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐอเมริกา อายุเก่าแก่กว่า 150 ปี ล้มครืนลง โดยมีต้นเหตุมาจากหนี้เสียของสินเชื่อบ้านประเภทด้อยคุณภาพหรือซับไพรม์ (Subprime) ที่บรรดาผู้กู้ยืมขาดความสามารถในการชำระหนี้ ส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปทั่วโลก ทำให้ทั่วโลกมีปีใหม่ที่ไร้ความสุข เหงาหงอยไปรอบหนึ่งแล้ว ส่วนปลายปีนี้ "วิกฤตหนี้" ของประเทศกรีซ ซึ่งเป็นชาติในยุโรป กำลังสร้างความหวาดผวาหนาวสะท้านให้กับบรรดากลุ่มประเทศยุโรป เพราะหนี้ที่สูงทะลุเมฆของรัฐบาลกรีซ ทำให้เกิดการคาดหมายว่าอาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับรัฐดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) หรือไม่
อาจกล่าวได้ว่า กรณีของดูไบ ซึ่งประกาศพักชำระหนี้ไป 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ไปเมื่อ 25 พฤศจิกายน ด้วยเหตุผลที่ว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก ประกอบกับการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายใช้เงินมหาศาลแบบเกินตัว เป็นสาเหตุให้กรีซขึ้นมาอยู่บนจอเรดาร์ของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทันที จะเห็นว่าหลังจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทั้ง มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส, สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) และฟิตช์ เรตติ้ง ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของดูไบ เวิลด์ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่รัฐดูไบเป็นเจ้าของลงไปสู่ระดับ "ขยะ" คือไม่น่าลงทุนแล้ว ฟิตช์ เรตติ้ง ได้ประเดิมปรับลดอันดับความน่าเชื่อหนี้ระยะยาวของรัฐบาลกรีซไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม จากระดับ A- ไปอยู่ระดับ BBB+ ซึ่งแม้จะยังเป็นเกรดที่น่าลงทุน แต่มุมมองหรือแนวโน้มอยู่ในแดนลบ อันสะท้อนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถูกลดอันดับลงไปอีก ส่วนเอสแอนด์พี ได้ออกมาขู่ว่าจะหั่นเกรดอีกรายหากว่ารัฐบาลกรีซไม่มีมาตรการที่น่าเชื่อ ถือในการลดหนี้
ปัจจุบันรัฐบาลกรีซมีหนี้สาธารณะมากถึง 3 แสนล้านยูโร (ประมาณ 14.7 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 113 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันของกรีซ และยังขาดดุลงบประมาณมากถึง 12.7% สูงกว่ามาตรฐานของสหภาพยุโรปที่กำหนดว่าสมาชิกต้องรักษาการขาดดุลงบประมาณ ไว้ที่ไม่เกิน 3 % ของจีดีพี ทั้งนี้ ฟิตช์คาดหมายว่าหนี้สาธารณะของกรีซอาจ จะขยับขึ้นไปอีกที่ระดับ 130% ของจีดีพีก่อนที่จะกลับสู่เสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม ฟิตช์เห็นว่าการที่กรีซเป็นประเทศที่มีรายได้สูงคงจะช่วยบรรเทา ปัญหาได้บ้าง
การถูกหั่นอันดับความน่าเชื่อถือ ทำให้คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้กรีซต้อง ใช้มาตรการที่เด็ดขาดกล้าหาญในการลดหนี้ และลดการขาดดุลงบประมาณให้ได้ เพราะว่าปัญหาที่เกิดกับสมาชิกยุโรปประเทศใดประเทศหนึ่งก็คือ ปัญหาร่วมของสมาชิกยุโรปทั้งหมด ขณะเดียวกันนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรป (อีซีบี) ได้ออกมากระตุ้นกรีซในลักษณะเดียวกัน เพราะปัญหาของกรีซนั้นจะเกี่ยวพันไปถึงชาติยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร (ยูโรโซน) ทั้ง 16 ประเทศ เช่นเดียวกับบิ๊กในยุโรปอีกคนคือ นายฌอง-คล้อด จังเกอร์ ประธานยูโรโซน ที่ยอมรับว่าสถานการณ์ของกรีซอยู่ในขั้น "ตึงเครียด" อย่างมาก แต่ก็เชื่อว่ากรีซจะไม่ล้มละลายอย่างแน่นอน
หุ้นของตลาดกรีซร่วง ลง 10% ในช่วงสองวันหลังจากถูกลดอันดับ ทำให้ทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังของกรีซ ต่างออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนยืนยันว่า จะทำทุกอย่างเพื่อสะสางปัญหาหนี้สิน โดยสัญญาว่าร่างงบประมาณใหม่ ซึ่งจะมีการตัดงบประมาณลงจะจัดทำให้เสร็จสิ้นใน 6-7 สัปดาห์ โดยระบุว่า นี่จะเป็นการร่วมมือกันในการต่อสู้คอร์รัปชั่นและสร้างความโปร่งใส พร้อมกับไม่วายโอดครวญขอความเห็นใจว่า รัฐบาลปัจจุบันเข้ามารับตำแหน่งเพียง 50 วันเท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นรัฐบาลเก่าเป็นผู้ก่อไว้
กรีซจัด อยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เป็นหนึ่งใน 16 ประเทศยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร ประชากรมีรายได้ต่อปีสูงอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกที่ประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่ประสบปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น การว่างงานสูง
นัก วิเคราะห์มองว่าปัญหาของกรีซจะสร้างความตึงเครียดให้กับยูโรโซนและยังเป็น เรื่องท้าทายที่จะทำให้ประเทศยุโรปอื่นๆ จะต้องลดหนี้และการขาดดุลงบประมาณลง อย่างไรก็ตาม กรีซจะล้มละลายหรือไม่ขึ้นอยู่กับ ธนาคารกลางสหภาพยุโรปว่าจะผ่อนผันในการรับพันธบัตรของกรีซในการค้ำประกันการ กู้ยืมหรือไม่ เพราะหลังจากที่ความน่าเชื่อถือของกรีซถูกฟิตช์ฯปรับลง ก็เท่ากับว่าขณะนี้พันธบัตรของกรีซอยู่ในแดนอันตรายแล้ว เมื่อเทียบกับหลักเกณฑ์ของอีซีบี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าในที่สุดแล้วสหภาพยุโรปต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกรีซ เพราะหากปล่อยให้กรีซล้มละลาย จะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกลุ่มยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรทันที เพราะจะทำให้สมาชิกยุโรปที่ร่วมใช้เงินสกุลยูโรมองว่าการใช้สกุลเงินร่วมกัน ไม่เป็นผลดี เมื่อสมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่งก่อปัญหาขึ้นด้วยการไม่ชำระหนี้ก็ทำให้ ประเทศอื่นได้รับกรรมไปด้วย และหากกรีซล้มละลายจริง ประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ เยอรมนี เพราะธนาคารพาณิชย์ของเยอรมนีหลายแห่งได้เข้าซื้อพันธบัตรของกรีซจำนวน มาก
หน้า 18
http://74.125.153.132/search?q=cache:5bPhyWoR31IJ:www.matichon.co.th/matichon/view_news.php%3Fnewsid%3D01ecb01141252%26sectionid%3D0141%26day%3D2009-12-14+กรีซ+ล้มละลาย&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th
--------------------------------------------------
วิกฤตกรีซ-วิกฤตยูโร : บาปแต่ปางบรรพ์
วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 13:00:33 น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309060111&grpid=01&catid=&subcatid=
--------------------------------------------------
วิกฤตต้มยำ กุ้ง
Tum Yum Kung Disease
<<< วิกฤตต้มยำกุ้ง #1 เปิดเสรีการเงินไม่กี่ปี เป็นหนี้ต่างประเทศเพิ่มเท่าตัว >>>
<<< วิกฤตต้มยำกุ้ง #2 ความเชื่อมั่นที่ตกต่ำ ตอกย้ำการโจมตีค่าเงิน >>>
<<< วิกฤตต้มยำกุ้ง #3 สู้จนเจ๊ง >>>
<<< วิกฤตต้มยำกุ้ง #4 เด็กดี หนูลองยา IMF >>>
<<< วิกฤตต้มยำกุ้ง #5 จากประเทศลูกหนี้ พลิกกลับมาเป็นประเทศเจ้าหนี้ (จบ) >>>
บทความด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง
<<< คลังแจ้งหนี้สาธารณะ"พุ่ง" "4.46ล้านล้าน" >>>
<<< ถามว่า รัฐบาลนี้จะเร่งรีบแก้กฏหมายให้ก่อหนี้สาธารณะ ไม่เกิน 60 % ทำไม >>>
<<< ข้อมูลฐานะการคลังไทยในวันนี้ ก่อนที่อีก 3-4 ปีจะมีหนี้เพิ่มอีกเท่าตัว >>>
<<< ผลเสียของการเป็นหนี้เยอะๆ เริ่มทยอยออกมาให้เห็นกันแล้ว >>>
<<< ผลของการเป็นหนี้เยอะๆ >>>
<<< จะแปรรูปเพื่อกู้เพิ่ม ระวังจะซ้ำเติมประเทศในภายหลัง >>>
<<< เศรษฐกิจดีหรือไม่ ควรดูที่ดัชนีเรื่องไม่ดี ว่าลดลงเพิ่มขึ้นหรือไม่ >>>